

ประเพณีการแต่งงานจีน
ในสมัยก่อนหนุ่มสาวไม่มีโอกาสคบหากัน แม่สื่อจะมีความสำคัญมาก เรียกง่าย ๆ ว่าเป็นคนจับคู่ให้โดยหนุ่มสาวจะได้เห็นหน้ากันก็ในวันส่งตัวโน่น สมัยนี้แม่สื่อมีบทบาทน้อยลงแต่บางบ้านก็ยังใช้บริการกันอยู่ คุณจิตรา ก่อนันทเกียรติ นักเขียนเจ้าของผลงานขายดีติดอันดับ “ความรู้เรื่องจีนจากผู้เฒ่า” “ตึ่งหนั่งเกี้ย” “บ่วง-สื่อ-ยู่-อี่” และอีกหลายเล่มเล่าว่าพี่สาวของเธอก็แต่งงานโดยมีบ่วยนั้งเป็นสื่อเช่นกัน
แม่สื่อ แม่ชัก
แม่สื่ออาชีพมักเป็นผู้ที่หูตากว้างขวาง รู้จักคนมาก เมื่อเห็นว่าบ้านไหนมีลูกหลานอยู่ในวัยสมควรมีคู่ก็จะเข้ามาติดต่อและแนะนำหนุ่มสาวที่มีพื้นเพใกล้เคียงกันให้ โดยอาจจะนำรูปถ่ายมาให้ดู ถ้าสองฝ่ายสนใจที่จะรู้จักกันก็จะมีการนัดดูตัว ถ้าถูกอัธยาศัยกัน มีการสานต่อจนถึงขั้นแต่งงาน แม่สื่อก็จะได้ค่าสมนาคุณเป็นเงินจำนวน 5 เปอร์เซ็นต์ของเงินสินสอดที่ฝ่ายชายนำมาสู่ขอ ธรรมเนียมนี้ดีตรงที่แม่สื่อจะช่วยคัดเลือก “ผู้สมัคร” ที่มีพื้นฐานครอบครัวเหมาะสมกันทั้งสองฝ่ายหากนัดพบแล้วถูกใจกันก็จะไม่มีปัญหาเรื่องผู้ใหญ่กีดกันตั้งข้อรังเกียจในภายหลังเหมือนกับการไปคบหากันเองนอกสายตาผู้ใหญ่
ซึ้งเมี้ย
ตามธรรมเนียมจีนเมื่อหนุ่มสาวตกลงแต่งงานกัน ฝ่ายชายจะจัดการให้ซินแสผูกดวงและกำหนดฤกษ์ยามซึ่งคุณจิตราเล่าไว้ใน “ตึ่งหนั่งเกี้ย” ว่าสมัยก่อนต้องดูกันละเอียดขนาดที่ว่าเจ้าบ่าวเจ้าสาวจะต้องสระผมวันไหน ให้ช่างลงกรรไกรตัดชุดวันไหนนั่นทีเดียว
พิธีหมั้น
ในวันหมั้นเจ้าบ่าวจะยกขันหมากมาทำพิธีสู่ขอที่บ้านฝ่ายหญิง โดยในวันนี้ทั้งสองฝ่ายต้องเตรียมเครื่องขันหมากตามที่ตกลงกันไว้ ขันหมากตามประเพณีจีนมีชุดเดียวและไม่ได้มีหมากพลูเป็นส่วนประกอบแต่อย่างใด เพียงแต่เรียกชื่อตามขันหมากของไทยเท่านั้น เครื่องขันหมากตามประเพณีจีนจะจัดเป็นจำนวนคู่ทุกอย่างและติดตัวหนังสือ “ซังฮี่” สีแดง
เครื่องขันหมากเจ้าบ่าว
นอกจากเงินสินสอดและทองหมั้นจะมีเครื่องขันหมากตามธรรมเนียมซึ่งล้วนแล้วแต่มีความหมายในตัวทั้งสิ้น
ทองหมั้น
ที่นิยมกันคือเครื่องประดับทองสี่อย่างเอาเคล็ดเลขสี่ซึ่งเป็นเลขดี บางบ้านอาจจะเรียกสายสร้อย ตุ้มหู แหวนและกำไรหัวมังกรหนึ่งคู่หรือจะเป็นเครื่องประดับทองอย่างอื่นก็สุดแท้แต่ความนิยม
กล้วยทั้งเครือ
นอกจากจะมีความหมายให้มีลูกหลานสืบสกุลแล้ว ยังหมายถึง “ตึงเอาสิ่งที่ดีเข้ามา” กล้วยนี้บางครั้งฝ่ายเจ้าสาวจะเป็นผู้เตรียมมามอบให้ ส้มเช้ง (ภาษาจีนเรียก “ไต้กิก” แปลว่า โชคดี) ติดตัวหนังสือ “ซังฮี่” สีแดง ขนมแต่งงาน จะเป็นขนมสี่สีหรือห้าสี (สี่หรือห้าอย่าง) ก็แล้วแต่ฝ่ายเจ้าสาวจะเรียก เดี๋ยวนี้มึกจะใส่คุกกี้กระป๋องเพิ่มมาด้วย ถ้าคนในบ้านหรือลูก ๆ หลาน ๆ ชอบรับประทาน ชุดหมูสด 3 ถาด ถาดหนึ่งใส่หัวหมู เท้าหมู 4 เท่าเจียนเล็บเรียบร้อยและหางหมู ถาดที่ 2 ใส่ขาหมูทั้งขา 1 คู่ และถาดที่ สามใส่เนื้อส่วนท้องของหมูตัวเมียเอาเคล็ดว่าให้เจ้าสาวมีลูกสืบสกุล คุณจิตราเล่าจากประสบการณ์วว่าปัจจุบันนี้บางบ้านก็ตัดชุดหมูออกไป โดยอาจจะเรียกเป็นเผือก (โอ่วเท้า) เอาเคล็ดว่าให้ “มีหัว มีหาง” (อู่เท้า อู่บ้วย) หรือสำเร็จเรียบร้อย ของไหว้ 2 ชุด สำหรับไหว้เจ้าที่และไหว้บรรพบุรุษ โดยฝ่ายชายอาจจะให้ซองมาและให้ฝ่ายหญิงเป็นผู้จัดให้เนื่องจากแต่ละบ้านจะจัดของไหว้ไม่เหมือนกัน
เครื่องขันหมากเจ้าสาว
เอี๊ยมแต่งงานสีแดง ในกระเป๋าบรรจุ เหรียญมังกรทอง ปิ่นทอง และ เมล็ดพืชห้าชนิด เป็นเคล็ดว่าให้เจริญรุ่งเรือง มีลูกหลานสืบสกุล และต้นชุงเฉ้า หรือต้นเมียหลวง ซึ่งหมายถึงเกียรติยศ ถ้าฝ่ายเจ้าสาวมีฐานะมักผูกสายเอี๊ยมด้วยสร้อยทอง
ปิ่นทอง ภาษาจีนเรียก “ยู่อี่” หมายถึง สมปรารถนา ปิ่นทองนี้จะเสียบไว้กับเอี๊ยมและมอบให้กับฝ่ายชายในวันสู่ขอ และถ้าฝ่ายชายจะส่งปิ่นทองกลับมาให้ใช้ในพิธีส่งตัว ชุดหัวใจหมู ใช้ทั้งยวง มีหัวใจ ตับ ปอด ห้ามหั่นแยกจากกัน ไข่ต้มย้อมสีแดง 1 ถาด ขนมถั่วดำ (โอวเต่ากิ้ว) 1 ถาด นิยมใช้ 17 คู่ หรือ 34 ลูก ส้มเช้ง 1 ถาด ลำไยแห้งและใบทับทิมสำหรับตกแต่งเครื่องขันหมากที่มอบให้ฝ่ายชายนำกลับลำไยแห้งสื่อความหมายถึงความหอมหวาน ส่วนใบทับทิมเป็นใบไม้มงคลเป็นเคล็ดว่าให้มีโชค
เครื่องขันหมากที่เจ้าบ่าวนำกลับ
ได้แก่ ขาหมู 1 ขา ขนมแต่งงานครึ่งหนึ่ง ในกรณีที่ฝ่ายหญิงเรียกเผื่อเพื่อจะแบ่งกัน กล้วยทั้งเครือ เอี๊ยมแต่งงาน เสียบปิ่นทอง ในกระเป๋าใส่ต้นชุงเฉ้า เมล็ดพืชและเหรียญมังกรทอง ชุดหัวใจหมูครึ่งหนึ่ง แต่ถ้าไม่ต้องการหั่นแบ่งฝ่ายหญิงอาจนำไปทำกับข้าวให้คู่บ่าวสาวรับประทานร่วมกัน เป็นเคล็ดให้ “รวมใจเป็นหนึ่ง” ส้มเช้ง 1 ถาดที่ฝ่ายหญิงเตรียมให้วันส่งตัว เช้าวันส่งตัวเจ้าบ่าวจะส่งปิ่นทองคืนมาให้เจ้าสาวใช้ประดับผม ปิ่นทองนี้ภาษาจีนเรียกว่า “ยู่อี่” หมายถึง “สมปรารถนา” จึงถือเป็นของสำคัญยิ่งสำหรับวันแต่งงานโดยแม่เจ้าสาวจะเป็นผู้เสียบปิ่นทองประดับใบทับทิมพองามให้กับลูกในคืนวันส่งตัว
เมื่อลูกสาวจะออกเรือนพ่อแม่จะให้ของขวัญสำหรับนำติดตัวไปด้วยอย่างสมฐานะ ไม่ให้ฝ่ายชายดูถูกได้ว่ามาแต่ตัว เรียกว่า เครื่องเจ้าสาว ประกอบด้วย เงินหน้าหอ เครื่องในหอ และเครื่องแต่งห้องหอ
เครื่องหน้าหอ
ได้แก่ เงินทอง เครื่องประดับ ทรัพย์สินที่พ่อแม่ให้เจ้าสาวไว้ติดตัว เจ้าสาวสมัยนี้อาจขอของใช้หรือทรัพย์สินอื่น เช่น จักรเย็บผ้า โทรทัศน์ หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าด้วย
เอี๊ยมแต่งงานสีแดง ในกระเป๋าบรรจุ เหรียญมังกรทอง ปิ่นทอง และ เมล็ดพืชห้าชนิด เป็นเคล็ดว่าให้เจริญรุ่งเรือง มีลูกหลานสืบสกุล และต้นชุงเฉ้า หรือต้นเมียหลวง ซึ่งหมายถึงเกียรติยศ ถ้าฝ่ายเจ้าสาวมีฐานะมักผูกสายเอี๊ยมด้วยสร้อยทอง
ปิ่นทอง ภาษาจีนเรียก “ยู่อี่” หมายถึง สมปรารถนา ปิ่นทองนี้จะเสียบไว้กับเอี๊ยมและมอบให้กับฝ่ายชายในวันสู่ขอ และถ้าฝ่ายชายจะส่งปิ่นทองกลับมาให้ใช้ในพิธีส่งตัว ชุดหัวใจหมู ใช้ทั้งยวง มีหัวใจ ตับ ปอด ห้ามหั่นแยกจากกัน ไข่ต้มย้อมสีแดง 1 ถาด ขนมถั่วดำ (โอวเต่ากิ้ว) 1 ถาด นิยมใช้ 17 คู่ หรือ 34 ลูก ส้มเช้ง 1 ถาด ลำไยแห้งและใบทับทิมสำหรับตกแต่งเครื่องขันหมากที่มอบให้ฝ่ายชายนำกลับลำไยแห้งสื่อความหมายถึงความหอมหวาน ส่วนใบทับทิมเป็นใบไม้มงคลเป็นเคล็ดว่าให้มีโชค
เครื่องขันหมากที่เจ้าบ่าวนำกลับ
ได้แก่ ขาหมู 1 ขา ขนมแต่งงานครึ่งหนึ่ง ในกรณีที่ฝ่ายหญิงเรียกเผื่อเพื่อจะแบ่งกัน กล้วยทั้งเครือ เอี๊ยมแต่งงาน เสียบปิ่นทอง ในกระเป๋าใส่ต้นชุงเฉ้า เมล็ดพืชและเหรียญมังกรทอง ชุดหัวใจหมูครึ่งหนึ่ง แต่ถ้าไม่ต้องการหั่นแบ่งฝ่ายหญิงอาจนำไปทำกับข้าวให้คู่บ่าวสาวรับประทานร่วมกัน เป็นเคล็ดให้ “รวมใจเป็นหนึ่ง” ส้มเช้ง 1 ถาดที่ฝ่ายหญิงเตรียมให้วันส่งตัว เช้าวันส่งตัวเจ้าบ่าวจะส่งปิ่นทองคืนมาให้เจ้าสาวใช้ประดับผม ปิ่นทองนี้ภาษาจีนเรียกว่า “ยู่อี่” หมายถึง “สมปรารถนา” จึงถือเป็นของสำคัญยิ่งสำหรับวันแต่งงานโดยแม่เจ้าสาวจะเป็นผู้เสียบปิ่นทองประดับใบทับทิมพองามให้กับลูกในคืนวันส่งตัว
เมื่อลูกสาวจะออกเรือนพ่อแม่จะให้ของขวัญสำหรับนำติดตัวไปด้วยอย่างสมฐานะ ไม่ให้ฝ่ายชายดูถูกได้ว่ามาแต่ตัว เรียกว่า เครื่องเจ้าสาว ประกอบด้วย เงินหน้าหอ เครื่องในหอ และเครื่องแต่งห้องหอ
เครื่องหน้าหอ
ได้แก่ เงินทอง เครื่องประดับ ทรัพย์สินที่พ่อแม่ให้เจ้าสาวไว้ติดตัว เจ้าสาวสมัยนี้อาจขอของใช้หรือทรัพย์สินอื่น เช่น จักรเย็บผ้า โทรทัศน์ หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าด้วย
เครื่องในหอ
คือ ของใช้ส่วนตัวของเจ้าสาว ได้แก่
กระจก กรรไกร ด้าย เข็ม
กะละมัง กระป๋องน้ำ กระโถน
หวีสี่เล่ม เอาเคล็ดว่าให้เงินทองไหลมาเทมา เพราะคำว่าหวีสี่เล่มในภาษาจีน คือ “ซี้ซี้อู่หอซิว” แปลว่าได้ รับทรัพย์ทุกเวลา
พัดแดง มีความหมายว่าให้พัดแต่สิ่งดี ๆ เข้ามา
แผ่นหัวใจสีแดง สำหรับติดเครื่องประดับที่พ่อแม่ฝ่ายหญิงมอบให้เป็นของขวัญแก่ลูกสาว
เครื่องแต่งห้องหอ ได้แก่ เครื่องเรือนต่างๆ และยังมีถาดจัดเป็นคู่ ตะเกียบ ชุดน้ำชา หมอนหนุนและหมอนข้างอย่างละ 1 คู่ ในสมัยก่อนพ่อแม่ฝ่ายหญิงจะซื้อโลงศพให้เป็นส่วนหนึ่งของเครื่องแต่งห้องหอด้วยเพื่อแสดงว่าพ่อแม่จะรับผิดชอบต่อลูกสาวจนตลอดชีวิต แต่ต่อมาเห็นว่าไม่เป็นมงคลจึงเลิกไป ส่วนเครื่องนอนนั้นเป็นหน้าที่ของฝ่ายชายจัดหาเนื่องจากกาแต่งงานตามธรรมเนียมจีนเป็นการแต่งสะใภ้เข้าบ้าน
กระจก กรรไกร ด้าย เข็ม
กะละมัง กระป๋องน้ำ กระโถน
หวีสี่เล่ม เอาเคล็ดว่าให้เงินทองไหลมาเทมา เพราะคำว่าหวีสี่เล่มในภาษาจีน คือ “ซี้ซี้อู่หอซิว” แปลว่าได้ รับทรัพย์ทุกเวลา
พัดแดง มีความหมายว่าให้พัดแต่สิ่งดี ๆ เข้ามา
แผ่นหัวใจสีแดง สำหรับติดเครื่องประดับที่พ่อแม่ฝ่ายหญิงมอบให้เป็นของขวัญแก่ลูกสาว
เครื่องแต่งห้องหอ ได้แก่ เครื่องเรือนต่างๆ และยังมีถาดจัดเป็นคู่ ตะเกียบ ชุดน้ำชา หมอนหนุนและหมอนข้างอย่างละ 1 คู่ ในสมัยก่อนพ่อแม่ฝ่ายหญิงจะซื้อโลงศพให้เป็นส่วนหนึ่งของเครื่องแต่งห้องหอด้วยเพื่อแสดงว่าพ่อแม่จะรับผิดชอบต่อลูกสาวจนตลอดชีวิต แต่ต่อมาเห็นว่าไม่เป็นมงคลจึงเลิกไป ส่วนเครื่องนอนนั้นเป็นหน้าที่ของฝ่ายชายจัดหาเนื่องจากกาแต่งงานตามธรรมเนียมจีนเป็นการแต่งสะใภ้เข้าบ้าน
พิธีส่งตัว
ก่อนถึงฤกษ์ส่งตัวเจ้าสาวไหว้เทพยดาฟ้าดิน ไหว้เจ้าที่และบรรพบุรุษแล้วมารับประทานอาหารมงคล 10 อย่างที่พ่อคีบให้ โดยผู้ใหญ่ต้องเอ่ยชื่ออาหารแต่ละอย่างด้วยเพื่อความเป็นสิริมงคล เมื่อเจ้าบ่าวมาถึงฝ่ายเจ้าสาวต้อนรับด้วยน้ำชาจนใกล้ฤกษ์ส่งตัวเจ้าบ่าวจะต้องฝ่าประตูเงินประตูทองเข้าไปมอบช่อดอกไม้ให้เจ้าสาว ซึ่งนั่งถือพัดแดงคอยอยู่ ก่อนออกจากบ้านเจ้าสาว คู่บ่าวสาวจะรับประทานขนมบัวลอยจีนหรือขนมอี๊สีชมพูร่วมกันเป็นเคล็ดว่าให้ชีวิตแต่งงานราบรื่น แต่บางบ้านอาจจะให้ทั้งคู่กินอาหารมงคลสิบอย่างด้วยกันแทนก็ได้ ในขบวนส่งตัวจะให้น้องชายหรือหลานชายของเจ้าสาวถือตะเกียงจุดไฟสว่างนำหน้ารถคู่บ่าวสาวหรืออาจให้นั่งรถคันเดียวกัน เอาเคล็ดว่าให้คู่สมรสมีลูกชายไว้สืบสกุล ตะเกียงนี้คู่บ่าวสาวจะนำไปติดตั้งไว้ในห้องหอและจุดไว้ตลอดคืน ห้ามดับเป็นอันขาด เมื่อถึงบ้านฝ่ายชายแล้วมักให้เจ้าสาวลอดใต้แขนเจ้าบ่าวเข้าบ้านเพื่อเป็นเคล็ดให้เจ้าสาวอยู่ในโอวาทจากนั้นคู่บ่าวสาวจะทำพิธีไหว้ฟ้าดิน ไหว้เจ้าที่และบรรพบุรุษด้วยกันก่อนจะทำพิธียกน้ำชาให้ผู้ใหญ่ฝ่ายชาย โดยเจ้าสาวจะมีผ้าไหว้ ซึ่งนิยมเป็น ผ้าตัดเสื้อ หรือผ้าเช็ดตัว ติดตัวไปสำหรับการณ์นี้ด้วย หลังจากเสร็จพิธียกน้ำชา คู่บ่าวสาวจะรับประทานขนมอี๊สีชมพูด้วยกันอีกครั้ง
ตึ่งฉู่
ตึ่งฉู่
เป็นธรรมเนียมโบราณ เกิดจากการที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวไม่เคยเห็นหน้าค่าตากันมาก่อน หลังแต่งงานไปแล้วถ้าเจ้าสาวไม่ใช่สาวพรหมจรรย์ เจ้าบ่าวมีสิทธิส่งตัวคืนได้ใน 3 วันแต่ในสมัยนี้สาระสำคัญของ “ตึ่งฉู่” ก็คือ การพาเจ้าบ่าวไปไหว้ผู้ใหญ่ฝ่ายหญิงซึ่งถือว่าคนในครอบครัวเดียวกัน และเจ้าสาวจะเตรียมส้มเช้งติดอักษร “ซังฮี่” สิบสองผลเพื่อใช้ไหว้ผู้ใหญ่
ยกน้ำชา
เมื่อคู่บ่าวสาวไปถึงบ้านฝ่ายหญิง จะทำพิธียกน้ำชาให้ญาติผู้ใหญ่ฝ่ายหญิงซึ่งจะให้ของขวัญหรือรับเงินไหว้กลับมา
ขอขอบคุณข้อมูลดีๆๆจาก igetweb.com
No comments:
Post a Comment